วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560

Frasa Nama (นามวลี)
นามวลี คือ สามารถประกอบด้วยหนึ่งคำหรือหลายคำที่สามารถทำหน้าที่เป็นส่วนประกอบในประโยคได้ การสร้างประโยคพื้นฐานในภาษามลายูจะประกอบไปด้วย 2 องค์ประกอบแรก คือ ภาคประธาน (subjek) และภาคแสดง (predikat) ซึ่งปกตินามวลีมักจะทำหน้าที่เป็นภาคประธานในการสร้างประโยค มีดังนี้
                1.FN+FN(นามวลี+นามวลี)
                2.FN+FK(นามวลี+กริยาวลี)
                3.FN+FA(นามวลี+คุณศัพท์วลี)
                4.FN+FSN(นามวลี+สรรพนามวลี)
จากรูปแบบประโยคข้างต้น นามวลีสามารถทำหน้าที่เป็นภาคประธาน ซึ่งนามวลีทำหน้าที่เป็นภาคแสดงในรูปประโยค (FN+FN) เช่นกัน
ตัวอย่าง 
ภาคประธานของนามวลี (Subjek Frasa Nama)
ภาคแสดงของนามวลี (Fredikat Frasa Nama)
1 . Bapa (พ่อ)
guru. (ครู)
2. Bapa budak itu (พ่อของเด็กคนนั้น)
guru.(ครู)
3. Bapa budak itu (พ่อของเด็กคนนั้น)
guru sekolah agama. (ครูโรงเรียนสอนศาสนา)

-ตัวอย่างขององค์ประกอบอื่นที่ไม่ใช่ชื่อซึ่งถือเป็นตัวเติมนามวลี(FN)คือ คำกริยา(KK)
ตัวอย่าง
Bersenam menyihatkan baban.
การออกกำลังทำให้ร่างกายแข็งแรง
-คำนามวลี senaman (ออกกำลังกายเป็นตัวเติมคำนามวลี(FN)สามารถแทนด้วยคำกริยา bersenam (การออกกำลังกาย)

-องค์ประกอบหรือส่วนประกอบที่เป็นนามวลี(FN)ประกอบด้วยนามเป็นองค์ประกอบหลัก
-องค์ประกอบหลักที่สามารถพบได้กับส่วนขยายที่อยู่ก่อนนามวลี(FN)หรือหลังก่อนและหลังนามวลี(FN)
-จากความคิดเห็นได้กล่าวว่าองค์ประกอบที่ไม่ใช่ชื่อสามารถเป็นตัวเติมนามวลี(FN)ได้ หากองค์ประกอบสามารถแทนที่ด้วยองค์ประกอบของชื่อ

FRASA KERJA
กริยาวลี กล่าวโดย Siti Hajah Addul Aziz.(2008) คือวลีที่ประกอบด้วยคำกริยาที่เป็นองค์ประกอบหลัก กริยาวลีทำหน้าที่เป็นภาคแสดงในประโยคปกติ
การสร้างกริยาวลี
               การสร้างคำกริยาประกอบด้วยคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมมารองรับและคำกริยาที่ต้องการกรรมมารองรับ นามวลีอาจมีอยู่ในส่วนประกอบของกรรม เช่นส่วนประกอบที่มีอยู่หลังจากคำกริยาที่ต้องการกรรมในกริยาวลี (FK) 
ตัวอย่าง :
ประธาน (Subjek)
ภาคแสดงของกริยาวลี (Predikat Frasa Kerja)
คำกริยา (Kata Kerja)
กรรม (Objek)
1. Orang itu (คนคนนั้น)
memanggil (เรียก)
saya. (ฉัน)
2. Mereka semua (พวกเขาทั้งหมด)
melambaikan (ควัก)
tangan. มือ
3. Kanak-kanak itu (เด็กๆคนนั้น)
menaiki (ขึ้น)
bas sekolah (รถโรงเรียน)

 คำกริยาเป็นองค์ประกอบที่ประกอบด้วยส่วนเติมเต็มและส่วนขยาย อย่างไรก็ตามประโยคดังกล่าวยังคงเป็นที่รู้จักในรูปแบบของคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมมารองรับ
                ส่วนขยาย คือ คำที่ปรากฏหลังจากคำกริยาที่ต้องการกรรมและทำหน้าที่เพื่อเติมเต็มคำกริยาดังกล่าว
Frasa Kerja Dengan Objek (กริยาวลีกับกรรม)
กริยาวลีกับกรรมเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นกริยาวลีที่ต้องการกรรม
-กริยาวลีที่ต้องการกรรมมารองรับเป็นคำดั้งเดิมของคำกริยาที่ต้องการกรรม(คำกริยาที่ต้องการกรรมมารองรับ)
ตัวอย่าง
Kata Kerja Transitif
(คำกริยาที่ต้องการกรรม)
Penyambut
(ส่วนรองรับ)
Menaikkan(ขึ้น)
bendera(ธงชาติ)
Membaiki(ซ่อมแซม)
kereta(รถยนต์)


FRASA SENDI NAMA
สรรพนามวลี ประกอบด้วยหนึ่งคำสรรพนามและหนึ่งนามวลีที่เป็นส่วนเติมเต็มให้กับคำสรรพนามนั้น การสร้างสรรพนามวลีสามารถประกอบด้วยหลายๆชนิดดั้งนี้:-
1.Kata Sendi Nama+ Frasa (คำสรรพนาม+วลี)
2.Kata Sendi Nama+Kata Nama Arah+Frasa Nama+Frasa Keterangan
 (คำสรรพนาม+คำนามบอกทิศทาง+นามวลี+คำอธิบายวลี)
นามวลีก็อยู่ในสวนองค์ประกอบของบุพบทวลี สามารถอยู่เป็นองค์ประกอบในภาคแสดงของบุพบทวลี (Predikat Frasa Sendi Nama) (FSN)

ตัวอย่าง :
ภาคประธาน (Subjek)
ภาคแสดงของบุพบทวลี (Predikat Frasa Sendi Nama)
คำบุพบท (Sendi Nama)
นามวลี (Frasa Nama)
1. Mereka (พวกเขา)
di (อยู่ที่)
Kuala Lumpur. (กัวลาลัมเปอร์)
2. Hadiah itu (รางวัล)
daripada (จาก)
Ahmad. (อะห์หมัด)
3. Kereta itu (รถยนต์คันนั้น)
ke (ไป)
Kota Bharu. (โกตาบารู)


FRASA ADJEKTIF (คุณศัพท์วลี)
                คุณศัพท์วลี คือ เป็นการเรียงคำที่ประกอบด้วยหนึ่งคำหรือมากกว่าหนึ่งคำที่มีคำคุณศัพท์เป็นส่วนประกอบหลัก
                คุณศัพท์วลีประกอบด้วย 3 ประเภท ในตำแหน่งประโยคปกติ
                1.ปรากฏหลังจากภาคประธานเป็นภาคแสดง
                2.ปรากฏหลังจากกริยาวลีเป็นคำอธิบาย
                3.ปรากฏหลังจากนามวลีเป็นส่วนขยาย
                Frasa Adjektif Sebagai Predikat(คุณศัพท์วลีที่เป็นภาคแสดง)
-ในลำดับประโยคปกติคุณศัพท์วลีเป็นภาคแสดงปรากฏขึ้นหลังภาคประธาน เช่นในตัวอย่างต่อไปนี้:-
Subjek(ภาคประธาน)
Predikat(ภาคแสดง)
Rumah Ali
บ้านอาลี
Sangat sederhana
พอประมาณ

-การจัดเรียงประโยคนี้สามารถสลับตำแหน่งได้ คือ คุณศัพท์วลีที่ทำหน้าที่เป็นภาคแสดงอยู่ข้างหน้าภาคประธาน


อ้างอิง: http://jaslanzabarjad.blogspot.com/2013/11/frasa-kerja.html?m=1
http://muhammadsasu.blogspot.com/

วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

4.  Kata Tugas  (คำที่ปฏิบัติงานใช้แสดงอยู่ในประโยคต่างๆ)

คำหน้าที่ คือกลุ่มที่มีบทบาทต่างๆในประโยคโดยไม่สามารถจัดคำเหล่านี้ให้อยู่ในกลุ่มของคำนาม คำกริยา หรือคำคุณศัพท์ คำหน้าที่ๆสำคัญในภาษามลายูได้แก่
1. คำเชื่อม (kata hubung) อาทิ dan (และ) atau (หรือ)
2. คำอุทาน (kata seru) อาทิ amboi (โอ้โห) aduh (โอ้ย)
3. คำบ่งบอกกาล (kata bantu aspek) อาทิ telah (แล้ว) sedang (กำลัง) akan (จะ)
4. คำปฏิเสธ (kata nafi) อาทิ bukan (ไม่ใช่) tidak (ไม่)
5. คำเน้นคุณศัพท์ (kata penguat) อาทิ benar (จริงๆ) sangat (มากๆ) terlalu (เหลือเกิน)
6. คำบุพบท (kata sendi) อาทิ dari (จาก) kepada (แก่) untuk (เพื่อ) และอื่นๆ

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ kata tugas 

4.1  Kata penyambung ayat  (คำสันธาน)
·        Kata hubung  (คำเชื่อมคำและประโยค) 
 4.2   Kata praklausa  (กลุ่มคำที่ปรากฏอยู่หน้าประโยคและปฏิบัติงาน เฉพาะอย่าง)
·        Kata seru   (คำอุทาน)   คำหรือวลีที่เเสดงถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น ดีใจ เศร้าใจ เสียใจ ตกใจ เป็นต้น คำอุธานที่สำคัญๆในภาษษมลายู ได้เเก่ aduh(โอ้ย) aduhai(เฮ้อ) amboi(โอ้โห) wah(ว้าว)
·        Kata tanya  (คำที่ใช้เพื่อถาม) 
·        Kata perintah  (คำสั่งใช้)                  
·        Kata pembenar (คำที่ใช้เพื่อการยอมรับ)
·        Kata pangkal ayat (คำเริ่มต้นประโยค)
 4.3  Kata pascakata  (คำที่ปรากฏอยู่หลังจากประโยคและปฏิบัติงานเฉพาะอย่าง)
·        Kata pembenda (คำอื่นที่ถูกเปลี่ยนให้อยู่ในรูปของคำนาม)
·        Kata penekan    (คำที่ไปยืนยันและเสริมพลังความหมายประโยค เช่น “แท้ที่จริงแล้วเป็นต้น)
  4.4  Kata prafrasa  (คำที่ใช้นำหน้าประโยคหนึ่ง เพื่อให้สัมพันธ์กับอีกประโยคหนึ่ง)
·        Kata bentu  (บุพบทแสดงกาลเวลา และบอกความเกี่ยวเนื่องกัน)
·        Kata penguat  (คำเสริมความหมายในด้านของการเพิ่มขึ้น เช่น  สูงสุด เป็นต้น )
·        Kata penegas  (คำเสริมที่ใช้เพื่อการยืนยันความหมาย เช่น เมื่อไหร่อีกละก้อนั้นเหละ,  แน่นอนสิ เป็นต้น )
·        Kata nafi (คำที่ใช้เพื่อปฏิเสธความหมาย)
·        Kata pemeri  (คำที่อยู่หน้าประโยค ใช้เพื่ออธิบายความหมายประโยค เช่น สำหรับ,จริงๆแล้ว  เป็นต้น)
·        Kata sendi nama  (คำประสานประโยค เช่น  ที่ ,กับด้วย เป็นต้น)
·        Kata arah  (คำบอกทิศทาง)
·        Kata bilangan (คำบอกจำนวน)
·        Kata adverba  (คำวิเศษณ์)

  อ้างอิง
http://thbmum.blogspot.com/2013/02/golongan-kata-1.html
http://junior17skyblue.wixsite.com/bahasa-melayu/blank-asdej
https://www.google.co.th/search?dcr=0&biw=1280&bih=694&tbm=isch&sa=1&q=kata+tugas&oq=kata+tugas&gs_l=psy-ab.3..0j0i30k1j0i5i30k1l2.134533.136021.0.136453.7.7.0.0.0.0.133.740.4j3.7.0....0...1.1.64.psy-ab..0.7.740...0i8i30k1j0i19k1j0i8i30i19k1.0.XLNIY2bbDXg#imgrc=bMaxHVY0kDwa0M:
3.   Kata Adjektif  (คำคุณศัพท์)

คำคุณศัพท์ คือคำที่แสดงหรือชี้แจงเกี่ยวกับลักษณะ สี ขนาด รูปร่าง ของคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ และนามธรรม อาทิ baik (ดี) jahat (ชั่ว) mudah (ง่าย) payah (ยาก) dekat (ใกล้) jauh (ไกล) besar (ใหญ่) kecil (เล็ก) cepat (เร็ว) lambat (ช้า) เป็นต้น

ผลการค้นหารูปภาพสำหรับ kata adjektif

·        Sifatan         (คำคุณศัพท์แสดงถึงรูปลักษณะ)
·        Warna          (คำคุณศัพท์แสดงถึงลักษณะสี)
·        Ukuran        (คำคุณศัพท์แสดงถึงขนาด)
·        Bentuk         (คำคุณศัพท์แสดงถึงรูปแบบ)
·        Waktu          (คำคุณศัพท์แสดงถึงเวลา)
·        Jarak            (คำคุณศัพท์แสดงถึงระยะทาง)
·        Cara            (คำคุณศัพท์แสดงถึงลักษณะของเวลา เช่น  เร็ว , ช้า  เป็นต้น)
·        Perasaan      (คำคุณศัพท์แสดงถึงความรู้สึก)
·        Pancaindera  (คำคุณศัพท์แสดงถึงรสชาติ)

 ตัวอย่างเช่น ..
      
Kereta baharu Encik Halim berwarna biru. (Kata Adjektif Warna)
: รถคันใหม่ของคุณฮาลิมสีน้ำเงิน

Orang yang perut buncit itu ialah bapa saudara saya. (Kata Adjektif Bentuk)
: คนที่มีหน้าท้องหรือพุงอ้วนคนนั้นเป็นลุงของฉันเอง

Minuman itu sungguh manis.  (Kata Adjektif Pancaindera)
: น้ำดื่มนั่นหวานมาก

สืบค้นเมื่อ 
20 กันยายน 2017

อ้างอิง
http://thbmum.blogspot.com/2013/02/golongan-kata-1.html
http://junior17skyblue.wixsite.com/bahasa-melayu/blank-asdej
https://www.google.co.th/search?dcr=0&biw=1280&bih=694&tbm=isch&sa=1&q=kata+adjektif&oq=kata+adjektif&gs_l=psy-ab.3..0j0i30k1l3.7878.7878.0.9015.1.1.0.0.0.0.200.200.2-1.1.0....0...1.1.64.psy-ab..0.1.197....0.xAEn4WNThT0#imgrc=oyavu5R7akrzrM:

วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

3.คำกริยา (Kata kerja)

             หมายถึง คำที่เเสดงอาการ สภาพ หรือการกระทำของคำนาม เเละคำสรรพนามในประโยค เช่น สอน(ajar) กิน(makan) วิ่ง(lari) เจ็บ(sakit) นั่ง(duduk) เป็นต้น 
KATA KERJA คำที่ใช้เรียกการกระทำ อาการ ซึ่งในแต่ละชนิดของกิริยาก็จะมีความต่างดั่งนี้
1.กิริยาที่ต้องการกรรมมารองรับ kata kerja transitif[kkt]
          คำกิริยาชนิดนี้เวลาจะนำมาทำประโยคต้องใส imbuhan เพราะเป็นประโยคที่มี่กรรมและเน้นประธาน
           1.1-ayat aktif คือประโยคทั่วไปที่มีโครงสร้างปกติ S+P+O (เน้นประธาน)
                  เช่น saya pergi ke bangkok
           1.2  ayat pasif คือประโยคที่ต้องการเน้นกรรมเป็นหลัก ซึ่งมี 2ลักษณะ
                         1- pasif semu ใช้กับสรรพนามบุรุษที 1,
                         2- pasif jati    ใช้กับสรรพนามบุรุษที 3

2.กิริยาที่ไม่ต้องการกรรม kata kerja tak transitif [kktt]
      kata kerja tak transitif  คือคำกิริยาที่ไม่ต้องการกรรม มันสมบูรณ์ภายในตัวโดยไม่จำเป็นต้องมีกรรม มารองรับ แต่ต้องการส่วนอืน(อะไรอะ ฮาา)  kktt บางคำต้องการและไม่ต้องการส่วนขยาย
     kata kerja tak transitif  คือคำกิริยาที่ไม่ต้องการกรรม มันสมบูรณ์ภายในตัวโดยไม่จำเป็นต้องมีกรรมมารองรับ แต่ต้องการส่วนอืน(อะไรอะ ฮาา) kktt บางคำต้องการและไม่ต้องการส่วนขยายดั่งนี้
       2.1-  kata kerja tak transitif berpelengkap หากไม่มีส่วนขยายประโยคจะไม่สมบูรณฺ์
       ex. demamnya beransur baik / อาการไม่สบายของเขาเริ่มดีขึ้น 
Beransur คือ kktt   ส่วน baik คือส่วนขยายหากไม่มีประโยคนีไม่สมบูรณว่าอาการเขาเป็นไง
       2.2-  kata kerja tak transitif tenpa pelengkap ไม่ต้องการส่วนขยาย
         ex.  dia tidur atas meja  / เขานอนบนโต๊ะ
Tidur คือ kktt ซึงประโยคนี้ไม่จำเป็นต้องมี atas meja ก็ได้จัดว่าเข้าใจแล้ว แต่หากประโยคมาอย่างนี้เราก็จะได้รุ้ว่า kktt คำนี้  berpelengkap atau tanpa pelengkap.


http://2015bmpjsjipgktikatakerja.weebly.com/uploads/4/7/1/9/47190701/8691144_orig.png




สืบค้นเมื่อ 
8/9/60
http://muhammadsasu.blogspot.com/
                                                 
         คำในภาษามลายูก็เหมือนคำในภาษาอื่นๆ ของโลกที่ต่างมีคำหลากหลายชนิดในภาษาของตนเอง ซึ่งในการสร้างประโยคหนึ่งขึ้นมานั้น ก็จะต้องอาศัยคำเหล่านี้ในการประติประต่อเป็นประโยคหนึ่งเพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน โดยแต่ละคำก็จะมีหน้าที่และวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับสภาพธรรมชาติแต่เดิมของคำชนิดนั้นๆ รวมถึงบริบทในการใช้อีกด้วย ซึ่งในส่วนของภาษามลายูนั้น ก็อาจจะจำแนกคำออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้

          1.) Kata Nama (คำนาม)
               1.1) Kata Nama Am (คำนามสามัญ)
               1.2) Kata Nama Khas (คำนามวิสามัญ)
               1.3) Kata Ganti Nama (คำสรรพนาม)
          2.) Kata Adjektif (คำคุณศัพท์)
          3.) Kata Kerja (คำกริยา)
          4.) Kata Sendi (คำบุพบท)
          5.) Kata Keterangan (คำวิเศษณ์)
          6.) Kata Hubung (คำเชื่อม)
          7.) Kata Seru (คำอุทาน)
          8.) Kata Sandang (คำนำหน้านาม)

          จากชนิดคำข้างต้นนี้ สามคำแรกอันได้แก่ Kata Nama, Kata Adjektif และ Kata Kerja นั้น เป็นคำที่เมื่ออยู่โดดๆ ก็มีความหมายสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว
          ฉะนั้น ชนิดคำหลักๆ ก็จะประกอบไปด้วยดังนี้
          1.) Kata Nama (คำนาม)
          2.) Kata Adjektif (คำคุณศัพท์)
          3.) Kata Kerja (คำกริยา)
          4.) Kata Tugas (คำหน้าที่)

1.) Kata Nama
            หมายถึง คำที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่ง ทั้งที่อยู่สภาพที่เป็นรูปธรรม (Konkrit) และนามธรรม (Abstrak) หรือมีชีวิต (Hidup) และไม่มีชีวิต (Tak Hidup) 


           ในภาษาไทยจะเรียกคำชนิดนี้ว่า คำนาม นั่นเอง นอกจากนี้ Kata Nama ยังถือเป็นส่วนหลักของประโยคอีกด้วย อนึ่ง เมื่อคำใดมี Kata Bilang (คำชี้จำนวน) นำหน้าคำ หรือมี Kata Ganti Tunjuk (คำสรรพนามเจาะจง) คือคำ ini (นี้. นี่) หรือ itu (นั้นนั่น) ต่อท้ายคำ คำนั้นถือเป็น Kata Nama

         Kata Nama ยังจะถูกแยกย่อยออกมาเป็นอีกสามชนิดคำ ได้แก่
            1.) Kata Nama Am (คำนามสามัญ)
            2.) Kata Nama Khas (คำนามวิสามัญ)
            3.) Kata Ganti Nama (คำสรรพนาม)

1.1 ) Kata Nama Am
           หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่งโดยไม่เจาะจงเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่งคือ คำที่มีลักษณะตรงข้ามกับ Kata Nama Khas นั่นเอง


           นอกจากนี้ Kata Nama Am นั้น มีทั้งที่มาจาก Kata Asal (คำราก) หรือ Kata Terbitan (คำแตก) ซึ่งรายละเอียดของคำทั้งสองนี้ ก็จะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป และสำหรับตัวอย่างของ Kata Nama Am นั้น โปรดดูที่ตัวอย่างของ Kata Nama  ในภาษาไทยนั้น คำที่มีลักษณะเดียวกับ Kata Nama Am ก็จะมีหลายชื่อให้เรียก เช่น คำนามสามัญคำนามทั่วไป หรือคำสามานยนาม เป็นต้น Kata Nama Am ทุกคำจะต้องขึ้นอักษรแรกของคำด้วย ตัวพิมพ์เล็ก เสมอ
1.2) Kata Nama Khas 
          หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่งโดยเจาะจงเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่งคือ คำที่มีลักษณะตรงข้ามกับ Kata Nama Am นั่นเอง ในภาษาไทยนั้น คำที่มีลักษณะเดียวกับ Kata Nama Khas ก็จะมีหลายชื่อให้เรียก เช่น คำนามวิสามัญคำนามชี้เฉพาะ หรือคำวิสามานยนาม เป็นต้น
          Kata Nama Khas ทุกคำที่เป็นชื่อ จะต้องขึ้นอักษรแรกของคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ ยกเว้น Kata Nama Khas ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า ini หรือ itu ที่ไม่ต้องขึ้นตัวพิมพ์ใหญ่สำหรับอักษรแรกของคำ 

          จุดสังเกตว่าคำใดที่เป็น Kata Nama Khas
           1.) ทุกคำที่เป็นชื่อมนุษย์ (Manusia), สัตว์ (Binatang), สิ่งของ (Benda), สถานที่ (Tempat), พืชพันธุ์ (Tumbuhan) เป็นต้น
          2.) Kata Nama Am ทุกคำที่ต่อท้ายด้วยคำ "ini" (นี้นี่) หรือ "itu"(นั้นนั่น) ถือเป็น Kata Nama Khas ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น
               - Rumah itu milik saya. (บ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของฉัน)
               - Saya sangat suka membaca buku ini(ฉันชอบอ่านหนังสือเล่มนี้มากๆ)

      1.3) Kata Ganti Nama
       หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกแทนชื่อ หรือตัวตนของสิ่งๆ หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งของ เป็นต้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกล่าวคำนามนั้นซ้ำๆ หลายครั้ง ในภาษาไทยนั้นจะเรียก Kata Ganti Nama ว่า "คำสรรพนาม"

          นอกจากนี้ Kata Ganti Nama จะถูกแบ่งย่อยอีกเป็นดังนี้
          1.) Kata Ganti Diri (คำสรรพนามแทนตน)
          2.) Kata Ganti Tanya (คำสรรพนามเพื่อใช้ถาม)
          3.) Kata Ganti Tempat (คำสรรพนามแทนสถานที่)
          4.) Kata Ganti Tunjuk (คำสรรพนามชี้เฉพาะ)
          5.) Kata Ganti Tak Tentu (คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ)

สืบค้นเมื่อ
 8/09/60
http://www.sunnahstudent.com/forum/archive.php?topic=9225.0
https://www.google.co.th/search?dcr=0&biw=1280&bih=694&tbm=isch&sa=1&q=golongan+kata+nama&oq=golongan+kata+n&gs_l=psy-ab.1.0.0i19k1.17862.18632.0.19813.2.2.0.0.0.0.142.275.0j2.2.0....0...1.1.64.psy-ab..0.2.273.6QB1KhlEapc#imgrc=JsqH0N0xn0ziZM:
https://www.google.co.th/search?dcr=0&biw=1280&bih=694&tbm=isch&sa=1&q=golongan+kata+nama+khas&oq=golongan+kata+nama+khas&gs_l=psy-ab.3...27508.30294.0.30792.8.7.1.0.0.0.152.741.4j3.7.0....0...1.1.64.psy-ab..0.0.0.oNk9nLgDUKY#imgrc=24nLS842XvmBDM: